วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เจ้าแผ่นดิน บทสาม : พระมหากรุณาธิคุณ





แก้กฎหมาย อภัยโทษ หมดทุกอย่าง    
โดยแอบอ้าง นักโทษอื่น สองหมื่นกว่า
บีบบังคับ ระคายเคือง เบื้องบาทา          
 ทุจริตยาเสพติด ผิดตัดตอน

นักโทษ ไม่ต้องโทษ ขอโปรดสัตว์       
 ประจักษ์ชัด ไม่รู้สึก สำนึกก่อน
มันเป็นใคร ถึงโอหัง ไม่สังวรณ์             
  ท้าทายปรมาภิไธย ในแผ่นดิน

เป็นวาระ พสกนิกรทั้งหลาย                    
 ผ่านกฎหมาย ป่าเถื่อน เหมือนหมดสิ้น
พระมหากรุณา ต้องราคิน                        
 ล้างมลทิน ทรราชย์ รุกฆาตไทย

เจ้าแผ่นดิน บทสอง : ปราบหรือปล่อย ชี้ชะตา ประชาชน








ต้องลงทัณฑ์ นักโทษ ก่อนโปรดสัตว์      
  นิติทาส ทำวิบัติ จัดยกร่าง
บ่อนทำลาย นิติธรรม แทรกอำพราง            
 คุกตะราง แต่นี้ไป ให้ทุบทิ้ง

คิดคด ร่างกฎหมาย ให้ผลโภชน์       
  นักโทษ คนหนีคุก ครบทุกสิ่ง
ทุจริต ยาเสพติด ตัดตอนจริง                
  เอาแอบอิง อภัยโทษ อย่างโหดร้าย

รัฐบาล ลับล่อ ฉ้อบังราษฎร์                   
 สิบังอาจ แส่เสือก ให้เลือกฝ่าย
ระคายเคือง เบิ้องบาท อุบาทก์อุบาย    
 เสี้ยมเขาควาย เลือดนอง เต็มท้องช้าง 

เห็นทมิฬ หินชาติ ฟาดทุกเรื่อง              
ทั้งเผาเมือง น้ำท่วมทั่ว เป็นตัวอย่าง
รัฐไทยใหม่ บรรเลง ลอยเคว้งคว้าง     
 เท้าเหยียบย่าง สองแคมเรือ หรือหลือรอย



แผ่นดินเย็น เป็นร้อน ทุกหย่อมย่าน     
  เหล่าผีบุญ เพ่นพ่าน สันดานถ่อย
 ผีโม่แป้ง แย่งขย้ำ น้ำลายย้อย
  ปราบหรือปล่อย ชี้ชะตา ประชาชน 
                                                                                                            

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เจ้าแผ่นดิน ปฐมบท : อภัยโทษ หรือ ลงทัณฑ์










เร่าร้อนรน จิตหลอน  ภาพย้อนหลัง
น้ำท่วมเห็น เป็นรถถัง นั่งยิ้มย่อง
นิติรัฐ นิติธรรม ตรวนจำจอง
แผ่นดินต้อง หนักอึ้ง ถึงเสื่อมทรุด

แก้กฎหมาย อภัยโทษ เปลื้องปลดสัตว์
คือประหัต ศาลเสาหลัก หักดิบสุด
ระคายเคือง เบื้องบาท เป็นศาสตร์ยุทธ์
ยั้งไม่หยุด ต้องสยบ จบแผ่นดิน


เจ้าก็หนึ่ง นักสู้ เจ้าอยู่หัว
เลือดชมพู ท่วมตัว หัวใจหิน
ปล่อยนักโทษ หนีคุก รุกภูมินทร์
อัปยศ รัตนโกสินทร์ สิ้นคนดี

เจ้าก็หนึ่ง นิติทาส ผู้บัดซบ
ระยำ ซ้ำสมทบ ครบเต็มที่
นิติสัตว์ ตระบัดสัตย์ แปลงศาสตร์พลี
เสนาบดี อัปลักษณ์ หนักแผ่นดิน






























วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มหากาพย์แห่งน้ำ บทสุดท้าย : ลักไก่อภัยโทษโปรดสัตว์เมือง







ธรรมชาติ พิโรธ ลงโทษมนุษย์
บันดาลน้ำ บริสุทธิ์ ผุดเน่าเหม็น
เคยอบอุ่น คุณธรรม น้ำหนุนเย็น
กลับยากเข็ญ เพื่อสำเหนียก เมื่อเปียกปอน

 
เลิกร้องขอ ขอโทษ เลิกโกรธขึ้ง
อำนาจดึง ลากรัฐ วิบัติก่อน
เศรษฐกิจ สังคม ล่มนาคร 
ราษฎร คับแค้น ทั้งแผ่นดิน


ไม่เคยเห็น ได้เห็น เช่นวันนี้
ปฐพี เปลี่ยนแปร กระแสสินธุ์
ข้าวเริ่มยาก หมากแพง แย่งหากิน
คนสูญสิ้น เสียขวัญ ฝันคั่งค้าง


น้ำสี่แคว แผ่ขยาย ยึดเมืองหลวง
ล้างฉิบหาย วายป่วง เป็นตัวอย่าง
มลพิษ ทุพภิกขภัย ไหลล้างบาง
อุทกโจร แจวเรือจ้าง ปล้นกลางกรุง


นี่คือรัฐ ล้มเหลว เลวหมดจด
 ขายล่วงหน้า อนาคต คิดคดถลุง
 ทางน้ำไหล ราชดำริ มิผดุง
ลักไก่มุ่ง อภัยโทษ โปรดสัตว์เมือง


แลริบหรี่ กลียุค ทุกหย่อมหญ้า
ขุนอาสา เสนาถ่อย คอยสร้างเรื่อง
ผีโม่แป้ง เร่งทำ เลิกชำเลือง
ฟื้นฟูเฟื่อง ยุทธศาสตร์ ฟาดเมืองไทย






















วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มหากาพย์แห่งน้ำ บทห้า : ร่วมทุกข์ร่วมฝ่าฟัน






วิกฤต มหาวิบัติ
                   เหตุปล่อยสัตว์ สู่สภา
นรก ตกตามมา 
                เห็นเต็มตา ตอกตำใจ

น้ำปิง วัง  ยม น่าน            พรั่งพรูผ่าน ย่านกรุงไกร
ทุ่งท่า ก็บ่าไหล               ท่วมทุกที่ ไม่รีรอ

การเมือง เรื่องประโยชน์   เพื่อผลโภชน์ โคตรเหล่ากอ
น้ำท่วม น้ำลายสอ             ง้างงาบต่อ รอน้ำลด


กรุงเทพ ฯ  แทบถึงฆาต
ผุดยุทธศาสตร์ อนาคต
วิกฤต แก้แพ้หมด
จะคิดคด ฟื้นฟูใคร

น้ำตา มิทันเหือด
              สั่งเฉือนเชือด สูบเลือดไทย
อุบัติ รัฐไทย ใหม่ 
ทางน้ำไหล ให้พังภินท์          

บ้านเมือง ต้องเสื่อมทรุด  
แม้นมิหยุด การเมืองสิ้น
รื้อทุน ที่มลทิน
             ทวงผืนดิน ได้เวณคืน

ท่วมทุกข์ ถึงเห็นธรรม               เห็นริยำ ทำขมขื่น
เช็ดตา พร่าเปียกชื้น        เห็นลึกตื้น พวกหื่นโหย

ไทยทุกข์ ใครทุกข์ด้วย    ทนเจ็บป่วย ด้วยทุกข์โบย
ไม่โกรธ ไม่โอดโอย      โดยอ้าแขน แอ่นอกรับ

ปราชญ์น้ำ ได้ดำรัส
               ประจักษ์ชัด จัดเสร็จสรรพ
ขืนคอย คงย่อยยับ
        กับสถุล ทุนการเมือง






บ้านเมืองต้องสิ้นสุด ถ้าไม่หยุด นักการเมือง







ฉิบหาย หายนะ สิ้น
ทั้งทรัพย์สิน ถิ่นอาศัย
ชีวิต และ นาไร่
พินาศไป กับสายน้ำ

ทุกข์น้อย เท่า ทุกข์มาก
วิบัติวิบาก ทั้งสูงต่ำ
ธรรมชาติ อาจก่อกรรม
โดยระยำ นักการเมือง

ประโยชน์ และ โภชน์ผล
ต้นเหตุแห่ง น้ำนองเนือง
กักน้ำ ไม่เป็นเรื่อง
และ กีดขวาง ทางน้ำไหล

สุวรรณภูมิ ที่ลุ่มต่ำ
จงใจทำ กินคำใใหญ่
แผ่นดิน เวณคืนไว้
เจ้าก็ใช้ ให้พวกพ้อง

น้ำเหนือ เมื่อไหลหลาก
หมู่บ้านขวาก ขวางคูคลอง
ทางน้ำ ทำเลทอง
จึงขัดข้อง ล่องทะเล

ปล่อยน้ำ ต้องจำขัง
คงคาคั่ง ค้างหักเห
นายก ก็จบเห่
หยุดโยเย นะเด็กน้อย






วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มหากาพย์แห่งน้ำ บทสาม : กรุงเทพ ฯ ยังมีหวัง






กรุงเทพ ฯยัง มีหวัง หากยั้งคิด
ไม่ใช่ นักธุรกิจ มาคิดแก้
นักการเมือง ถอยไป ใช่พ่ายแพ้
คงเหลือแต่ ปราชญ์แห่งน้ำ วิศวกรรมกร

กรุงเทพ ฯ นาทีนี้ มีความหมาย
ช้าอาจสาย เกินแก้ แม้ครึ่งค่อน
ชีวิตไม่ ได้เป็น เช่นละคร
ไว้คอยตอน น้ำลด เล่นบทเดิม

ระดับทะเล สูงต่ำ ตัวกำหนด
มวลน้ำบ่า ปรากฎ ลดหรือเพิ่ม
เลือกวิธี บริหาร จัดการเติม
ผู้นำเสริม เบ็ดเสร็จ เผด็จชล

กรุงเทพ ฯ ถ้าเอาอยู่ กู้วิกฤต
ปราชญ์ประสิทธิ์ วิศว ฯ ประศาสน์ผล 
จิตสาธารณะ สูงสุด มนุษยชน
คือช่วยคน พ้นทุกข์ ทุกชนชั้น

ผู้นำเดิน ข้ามอดีต คิดแก้ใหม่
อย่าปล่อยชาติ บรรลัย ไปเเต็มขั้น
กรุงเทพ มหานคร ของใครกัน
มหาชน แห่งทรงธรรม์ ทั้งแผ่นดิน

ทหารหาญ แกล้วกล้า ภารกิจ
วีรกรรม จะสถิต นิจสิน
ปราชญ์แห่งน้ำ วิศว ฯ ระบือระบิล
พลเมืองยินดีช่วย ร่วมอวยชัย